กล่าวนำและทำความเข้าใจ

กล่าวนำและทำความเข้าใจ

Blog นี้จัดทำขึ้นเนื่องจากการที่ตั้งใจศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าและหลักการปฏิบัติตนตามหลักคำสอนอย่างถูกต้อง
เพราะในปัจจุบันคนเราเน้นการทำบุญโดยเอาความสะดวกสบายและง่ายเข้าว่า โดยบ้างครั้งอาจจะผิดหลักคำสอนจนความตั้งใจทำบุญจริงๆนั้นกลายมาเป็นบาป และบ้างครั้งอาจจะหลงผิดใช้เงินกับการทำบุญที่ผิดวิธีจนได้บาปเช่นกัน แต่เราก็สามารถทำบุญอย่างง่ายๆและถูกต้องได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงต้องรู้หลักการปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อที่จะได้บุญจริงๆ

บทความใน Blog นี้จึงขอมุ่งเน้นหยิบยกเนื้อหาอ้างอิงจากพระไตรปิฏกเป็นหลักและบทความจากผู้ที่ศึกษาพระไตรปิฏกอย่างจริงจังที่น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน การทำ Blog นี้มีเจตนาเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางที่สำหรับผู้คนอาจจะพบเห็นและได้ศึกษาธรรมมากขึ้น

"การศึกษาอะไรที่ยิ่งใหญ่ อาจจะมาจากเรื่องที่เราสงสัยเล็กๆเพียงเรื่องเดียว"

***ทั้งนี้เนื้อหาที่ได้ลงไปใน Blog ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณและศึกษาจากพระไตรปิฏกควบคู่ไปด้วยเพราะอาจมีการคลาดเคลื่อนของเนื้อหา เพื่อผู้อ่านจะได้รับความรู้ที่ตรงและถูกต้องที่สุดครับ***

วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

การทำบุญ


การทำบุญ




หลังจากที่ผมได้ศึกษาพระพุทธศาสนาได้ระยะหนึ่งผมก็เริ่มที่จะเข้าวัดทำบุญมากขึ้นครับ ตอนแรกๆก็ปล่อยปลาและบริจาคทานทุกวันพระครับ แต่พอมาได้ศึกษาเพิ่มเติมเรื่อยๆก็ทราบว่าการถวายสังฆทาน(ไม่ใช่ถังสีเหลืองหรือถังสีต่างๆนะครับ)ได้บุญมาก เพราะเป็นการถวายแด่หมู่สงค์โดยไม่เฉพาะเจาะจงว่าถวายองค์ใดองค์หนึ่ง ซึ่งอ่านเพิ่มเติมได้จาก
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
๑๒. ทักขิณาวิภังคสูตร (๑๔๒)


 [๗๑๐] ดูกรอานนท์ ก็ทักษิณาเป็นปาฏิปุคคลิกมี ๑๔ อย่าง คือ ให้
ทานในตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธ นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑ ให้ทาน
ในพระปัจเจกสัมพุทธ นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๒ ให้ทานในสาวก
ของตถาคตผู้เป็นพระอรหันต์ นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๓ ให้ทาน
ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอรหัตผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๔
ให้ทานแก่พระอนาคามี นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๕ ให้ทานในท่าน
ผู้ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๖ ให้ทาน
แก่พระสกทาคามี นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๗ ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติ
เพื่อทำสกทาคามิผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๘ ให้ทาน
ในพระโสดาบัน นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๙ ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติ
เพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๐ ให้ทาน
ในบุคคลภายนอกผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิก
ประการที่ ๑๑ ให้ทานในบุคคลผู้มีศีล นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๒
ให้ทานในปุถุชนผู้ทุศีล นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๓ ให้ทานในสัตว์-
*เดียรัจฉาน นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๔ ฯ

             [๗๑๑] ดูกรอานนท์ ใน ๑๔ ประการนั้น บุคคลให้ทานในสัตว์เดีย-
*รัจฉาน พึงหวังผลทักษิณาได้ร้อยเท่า ให้ทานในปุถุชนผู้ทุศีล พึงหวังผลทักษิณา
ได้พันเท่า ให้ทานในปุถุชนผู้มีศีล พึงหวังผลทักษิณาได้แสนเท่า ให้ทานในบุคคล
ภายนอกผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม พึงหวังผลทักษิณาได้แสนโกฏิเท่า ให้
ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง พึงหวังผลทักษิณาจนนับไม่ได้
จนประมาณไม่ได้ จะป่วยกล่าวไปไยในพระโสดาบัน ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำ
สกทาคามิผลให้แจ้ง ในพระสกทาคามี ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง
ในพระอนาคามี ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอรหัตผลให้แจ้ง ในสาวกของตถาคตผู้เป็น
พระอรหันต์ ในพระปัจเจกสัมพุทธ และในตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธ ฯ
             [๗๑๒] ดูกรอานนท์ ก็ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์มี ๗ อย่าง คือ ให้
ทานในสงฆ์ ๒ ฝ่าย มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์
ประการที่ ๑ ให้ทานในสงฆ์ ๒ ฝ่าย ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว นี้เป็น
ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ทั้ง ๒ ฝ่าย ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว นี้เป็นทักษิณา
ที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๒ ให้ทานในภิกษุสงฆ์ นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์
ประการที่ ๓ ให้ทานในภิกษุณีสงฆ์ นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๔
เผดียงสงฆ์ว่า ขอได้โปรดจัดภิกษุและภิกษุณีจำนวนเท่านี้ ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้า
แล้วให้ทาน นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๕ เผดียงสงฆ์ว่า ขอได้
โปรดจัดภิกษุจำนวนเท่านี้ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้า แล้วให้ทาน นี้เป็นทักษิณา-
*ที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๖ เผดียงสงฆ์ว่า ขอได้โปรดจัดภิกษุณีจำนวนเท่านี้
ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้า แล้วให้ทาน นี้เป็นทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์ประการที่ ๗ ฯ
             [๗๑๓] ดูกรอานนท์ ก็ในอนาคตกาล จักมีแต่เหล่าภิกษุโคตรภู มี
ผ้ากาสาวะพันคอ เป็นคนทุศีล มีธรรมลามก คนทั้งหลายจักถวายทานเฉพาะ
สงฆ์ได้ในเหล่าภิกษุทุศีลนั้น ดูกรอานนท์ ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้ในเวลานั้น
เราก็กล่าวว่า มีผลนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ แต่ว่าเราไม่กล่าวปาฏิปุคคลิกทานว่า
มีผลมากกว่าทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์โดยปริยายไรๆ เลย ฯ


ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?name=%B7%D1%A1%A2%D4%B3%D2%C7%D4%C0%D1%A7%A4%CA%D9%B5%C3&book=9&bookZ=33

แล้วสังฆทานคืออะไร ?
การถวายสังฆทาน คือ การถวายอาหาร หรือ ถวายปัจจัย 4 หรือ ของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับพระ


สามารถอ่านเพิ่มเติมจากของคุณ ณัฐพบธรรม ซึ่งอธิบายเรื่องสังฆทานและขั้นตอนการทำสังฆทานไว้ให้ศึกษากันครับ
http://www.nutpobtum.com/index.php?mo=3&art=422216

ผมโชคดีอยู่อย่างครับเพราะมีวัดที่อยู่ใกล้บ้านและวิธีการถวายเป็นแบบสังฆทานครับ ก็เลยคิดว่าเรามีวัดที่ใกล้บ้าน สะดวก อยู่แล้วทำไมเราจะไม่ทำหละ ซึ่งแต่ละวันพระนั้นได้ไปถวายทุกวันถ้าไม่สะดวกจะต้องหาเวลาไปวันอื่นให้ได้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง และก็ปล่อยปลา บริจาทานตามปกติ ซึ่งคนอื่นมองดูเขาก็อาจจะหาว่าผมเป็นเอามากเรื่องทำบุญแบบนี้หรือทำเยอะไปไหม แต่ก็ไม่ได้สนใจครับว่าใครจะมองอย่างไรเพราะเมื่อก่อนผมก็เคยคิดแบบนั้นเช่นกัน จนมีเหตุให้เปลี่ยนความคิดใหม่ ส่วนตัวผมคิดว่าถึงแม้ว่าจะพูดหรือเล่าอะไรให้คนอื่นฟังขนาดไหนถ้าไม่มีเหตุที่ทำให้คนเราเปลี่ยนความคิดของเขาเอง เขาก็จะไม่เปลี่ยนความคิดหรอกครับโดยเฉพาะเรื่องศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ตัวผมนั้นแต่ก่อนก็ไม่เคยคิดที่จะศึกษาเช่นกัน มีเพื่อนแนะนำก็ไม่สนใจจนเจอเหตุที่ไม่ดีเข้าจนทำให้ เปลี่ยนความคิดเอง แต่ส่วนตัวผมในตอนนี้ก็คิดว่าเหตุที่เจอในตอนนั้นเป็นเรื่องดีครับที่ได้นำพาผมมาศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

ต่อครับ ในการทำบุญของผมแต่ละครั้งบางคนอาจจะคิดว่ามันมากไปหรือเปล่าต้องใช้เงินเยอะไปไหม แต่ในบทความที่แล้วก็ได้เห็นแล้วนะครับว่ามีการทำบุญที่ไม่ต้องเสียเงินก็มีอยู่ครับและก็มีการทำอย่างอื่นอีกด้วยที่ไม่ต้องเสียเงินแต่ได้บุญ และอยากได้อะไรต้องทำบุญอะไรครับ เดียวจะได้เขียนต่อในบทความหลังๆครับ
ถ้าแบ่งง่ายๆนะครับ 1 เดือนมี 4 สัปดาห์ และ 1 สัปดาห์ จะมีวันพระ 1 วัน เท่ากับว่า 1 เดือน จะมีวันพระ 4 วัน
ในวันพระหนึ่งผมใช้เงินทำบุญอยู่ที่ 200-300 บาท ซึ่งอาจจะมากสำหรับใครหลายๆคนนะครับ แต่สำหรับผมซึ่งยังมีภาระน้อยอยู่ก็ยังถือว่าพอได้อยู่ครับ
ถ้าเทียบแล้ว 1 เดือนผมใช้เงินทำบุญประมาณ 800-1200 บาท ถ้าเทียบแล้วอยู่ประมาณไม่ถึง 10% ของรายได้ผมด้วยซ้ำไป
เมื่อเทียบกับผมไปใช้เงินดื่นเหล้าหรือสังสรรกับเพื่อนตกครั้งละประมาณ 200-300 เช่นกัน และ ใน 1 เดือน วันที่สังสรรกับเพื่อนมากกว่าวันพระอีกครับ ก็แสดงว่าผมใช้เงินในเรื่องผิดศีลมากกว่าเรื่องทำบุญซะอีก
จริงๆแล้วเงินตัวนี้ผมประมาณให้ดูเฉยๆนะครับว่าการทำบุญทุกวันพระใน 1 เดือนนั้นไม่ได้ใช้เงินมากหรือไม่ต้องใช้เลยก็ยังได้ครับ ถ้าเราศึกษาดูจะรู้ว่าใช้เงินทำบุญ 100 บาท แต่ทำอย่างถูกต้อง ถูกวิธี จะได้บุญมากกว่าทำทีละ หลาย 100 บาท หลาย 1,000 บาท ด้วยซ้ำไปครับ
ในส่วนผู้ที่อยู่ กทม. หรือเร่งรีบในตอนเช้าไม่มีเวลาเข้าวัด หรือไม่มีเวลาทำอาหารไปวัด สมัยนี้มีร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง ซึ่งง่ายมากแค่เราเขาไปหาของที่ต้องการไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภท ไหนหรือพวกที่เข้าเวฟเลยแค่ 1-2 นาทีก็เอาไปวัดได้หรือใส่บาตรได้เลย สะดวก 24 ชั่วโมง และสะดวกทำบุญด้วยครับ ที่สำคัญต้องอยู่ที่จิตใจเราที่อยากทำ ขณะก่อนทำบุญ ตอนที่ทำบุญ และหลังจากทำแล้วมีจิตใจแจ่มใสเบิกบานและมีความสุขทุกครั้งที่คิดหรือนึกถึง แม้ว่าจะเป็นขนมราคาเพียง 10 บาท ก็ถือว่าได้บุญแล้วครับ

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
www.84000.org และ www.nutpobtum.com ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น