ผู้ที่เป็นเจ้านายควรระวัง !!!
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มา update blog เท่าที่ควรครับ เพราะงานเยอะและมีปัญหาด้านต่างๆเข้ามาแต่ก็ต้องทำใจยอมรับครับว่า มันเป็นกรรมของเราเอง ถ้าเราไม่รับผลกรรมนั้นใครจะมารับแทนเรา ถึงแม้ว่าเราจะจำไม่ได้ว่าทำอะไรไว้บ้าง แต่ก็ต้องรู้ครับว่าถ้าเราไม่ได้ทำกรรมนั้นไว้ กรรมนั้นจะทำอะไรเราไม่ได้แน่นอนครับ
ช่วงนี้มีเรื่องที่น่าคิดอยู่ 1 เรื่องครับ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิต คือเรื่องงาน สังเกตุไหมครับว่าเจ้าของกิจการต่างๆในประเทศเรานั้นส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนครับ
"ต้องขอโทษคนไทยเชื้อสายจีนทุกท่านด้วยนะครับ แต่เรื่องที่จะเขียนนี้เป็นเฉพาะบ้างท่านที่ผมได้พบเจอครับ"
ส่วนใหญ่คนไทยเชื้อสายจีนเท่าที่ผมเห็นและรู้จักนั้นมีบุญด้านโภคทรัพย์แสดงผลมากครับเพราะทำกิจการต่างๆประสบความสำเร็จ ถึงแม้ว่าพื้นฐานอาจจะยากจนมาก่อน แต่พอบุญนั้นแสดงผลแล้วทำให้มีความร่ำรวยมากขึ้นครับ
แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าคนไทยเชื้อสายจีนถ้ามองในมุมของศาสนาพุทธนั้นจะรักษาทรัพย์ไม่ถูกต้องตามศาสนาพุทธครับ เพราะยังติดไหว้เจ้า ไหว้ผี ไหว้บรรพบุรุษอยู่ แต่ก็เป็นความเชื่อและธรรมเนียมของเขาครับ
ซึ่งตามพุทธศาสนาและการลงทุนแล้ว บุญที่ได้ไม่คุ้มค่ากับราคาหมู เห็ด เป็ด ไก่ ที่ซื้อไปเลยครับ ลองหาอ่านตามบทความที่ผมเคยเขียนนะครับว่าทำบุญอย่างไรถึงจะได้ผลบุญเยอะครับ เช่น
ซื้อไก่ 1 ตัวทำบุญอย่างไรจะได้ เป็น 100 เท่า 1,000 เท่า ครับ
*****************************************************
อีก 1 อย่างที่พบเห็นเยอะคือ เป็นคนขี้เหนียวและหวงทรัพย์สมบัติ ข้อนี้ไม่ว่าจะเป็นคนไทยเชื่อสายจีน หรือคนไทยแท้ มีให้พบเห็นกันมากครับ เรื่องนี้พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเป็นอันตรายครับตามบทที่ยกมาให้ศึกษาครับ
คนหวงทรัพย์ตายไปเกินเป็นสัตว์เฝ้าทรัพย์
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 191
.
.
พระราชารับสั่งให้เปิดประตู เสด็จไปถึงฝั่งน้ำ ตรัสว่า พวกเจ้า
จงค้นดู แล้วรับสั่งให้ค้นหาในที่นั้น ๆ ไม่มีใครเห็นพระกุมาร
ฝ่ายพระกุมารนั้นเล่า ในเวลาที่เมฆมืดครึ้ม ฝนตกกระหน่ำ
ลอยไปในแม่น้ำ เห็นท่อนไม้ท่อนหนึ่ง จึงเกาะท่อนไม้ อันมรณภัย
คุกคามแล้ว ร้องคร่ำครวญลอยไป.
ก็ในกาลนั้น เศรษฐีชาวเมืองพาราณสีผู้หนึ่ง ฝังทรัพย์
๔๐ โกฏิไว้ที่ฝั่งแม่น้ำ เพราะความเป็นห่วงทรัพย์ ตายไปจึง
ไปเกิดเป็นงูอยู่เหนือขุมทรัพย์. ยังมีอีกผู้หนึ่งฝังสมบัติไว้ตรงนั้น
เหมือนกัน ๓๐ โกฏิ เพราะความเป็นห่วงทรัพย์ ตายไปบังเกิด
เป็นหนูอยู่ในที่นั้นเหมือนกัน.
.
.
.
*****************************************************
และอีก 1 สิ่งที่ผมเจอ คือ พูดง่ายๆว่าคนที่ขี้โกงคนครับ โดยเฉพาะเจ้านายที่ชอบโกงและเบียดเบียนลูกน้องเพราะห่วงในทรัพย์ของตนเอง เช่น
ในการจ้างงานมีการตกลงกันว่าจะจ่ายค่าจ้างให้เดือนละเท่านี้ เป็นเวลาในช่วงทดลองงานกี่เดือน และเมื่อผ่านช่วงทดลองงาน แล้วจะขึ้นเงินเดือนให้เท่านี้ ต่างฝ่ายต่างตกลงกันและรับจ้างงานกันตามที่ตกลงไว้นี้ แต่พอผ่านช่วงทดลองงานแล้วนายจ้างไม่ทำตามที่ตนเองรับปากไว้โดยหาข้ออ้างต่างๆ อาจจะบิดเบือนคำพูด หรืออะไรก็ตาม เพราะยังไม่อยากขึ้นเงินเดือนให้
แค่นี้ก็เท่ากับว่าผิดศีลไป 3 ข้อแล้วครับ และผิดสัจจะที่ได้ให้ไว้ด้วยครับ คือ
1.ไม่ทำตามที่ตกลงกันจงใจที่จะผิดสัญญาที่ให้ไว้ โดยหาข้ออ้างต่างๆ เท่ากับ นายจ้างผิดศีลข้อโกหก
2.ลูกจ้างไม่ได้เงินเดือนตามที่เขาสมควรจะได้โดยที่เข้าไม่ได้มีความผิดอะไร ที่ถึงกับไม่สมควรจะไม่ให้เขาผ่านการทดลองงาน เท่ากับ นายจ้างลักทรัพย์ลูกจ้าง เช่น ให้เงินเดือน 9,000 บาท ผ่านทดลองงาน จะให้เป็น 10,000 บาท เท่ากับว่านายจ้างลักทรัพย์ ลูกจ้างไป 1,000 บาท ยิ่งต่อเวลาทดลองงานหลายเดือนก็จะยิ่งผิดลักทรัพย์มากขึ้นเรื่อยๆ
3.จากการที่ลูกจ้างไม่ได้ผ่านงานเงินเดือนไม่ขึ้นก็อาจจะทำให้เขาอยู่ยากมากขึ้น เท่ากับ นายจ้างผิดศีลขอเบียดเบียนสัตว์ยิ่งต่อเวลาทดลองงานหลายเดือนก็จะยิ่งผิดเบียดเบียนสัตว์มากขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนในทางโลกนั้น แน่นอนว่าลูกจ้างนั้นก็จะไม่รักและทำงานให้บริษัทอย่างเต็มที่แน่นนอนครับ
*****************************************************
ดังนั้นถ้ากิจการของท่านกำลังยำแย่ และได้กำไรน้อยลง หรือขาดทุน มันอาจจะมาจากที่กล่าวมานี้ก็ได้ครับ ลองมองดูนะครับว่าท่านทำกับลูกน้องท่านอย่างนี้หรือเปล่า เพราะถ้าบริษัทยิ่งใหญ่ แล้วทำผิด ยิ่งเบียดเบียนคนมากนะครับ
แต่ถ้ากลับกันถ้ารู้จักการให้มันก็เป็นทานที่จะช่วยให้ท่านเจริญ และมีโภคทรัพย์มากขึ้นครับ
สิ่งที่ได้แน่ๆคือ ลูกน้องจะรัก และ ทำงานให้ท่านอย่างเต็มความสามารถแน่นอนครับ
ฝากไว้ 2 อย่างครับ
1.ในสัมมาทิฏฐิ 10 ประการ ข้อที่ 1.ทานให้แล้วมีผล ครับ
2.ขโมยเงิน 1 บาทจาก 100 คน กับ ขโมยเงิน 100 บาท จากคน 1 คน ผลคือ ได้เงิน 100 บาท เท่ากัน แต่บาปที่ได้ แตกต่างกันอย่างมากมายครับ
กล่าวนำและทำความเข้าใจ
กล่าวนำและทำความเข้าใจ
Blog นี้จัดทำขึ้นเนื่องจากการที่ตั้งใจศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าและหลักการปฏิบัติตนตามหลักคำสอนอย่างถูกต้อง
เพราะในปัจจุบันคนเราเน้นการทำบุญโดยเอาความสะดวกสบายและง่ายเข้าว่า โดยบ้างครั้งอาจจะผิดหลักคำสอนจนความตั้งใจทำบุญจริงๆนั้นกลายมาเป็นบาป และบ้างครั้งอาจจะหลงผิดใช้เงินกับการทำบุญที่ผิดวิธีจนได้บาปเช่นกัน แต่เราก็สามารถทำบุญอย่างง่ายๆและถูกต้องได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงต้องรู้หลักการปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อที่จะได้บุญจริงๆ
บทความใน Blog นี้จึงขอมุ่งเน้นหยิบยกเนื้อหาอ้างอิงจากพระไตรปิฏกเป็นหลักและบทความจากผู้ที่ศึกษาพระไตรปิฏกอย่างจริงจังที่น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน การทำ Blog นี้มีเจตนาเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางที่สำหรับผู้คนอาจจะพบเห็นและได้ศึกษาธรรมมากขึ้น
"การศึกษาอะไรที่ยิ่งใหญ่ อาจจะมาจากเรื่องที่เราสงสัยเล็กๆเพียงเรื่องเดียว"
***ทั้งนี้เนื้อหาที่ได้ลงไปใน Blog ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณและศึกษาจากพระไตรปิฏกควบคู่ไปด้วยเพราะอาจมีการคลาดเคลื่อนของเนื้อหา เพื่อผู้อ่านจะได้รับความรู้ที่ตรงและถูกต้องที่สุดครับ***
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น