กล่าวนำและทำความเข้าใจ

กล่าวนำและทำความเข้าใจ

Blog นี้จัดทำขึ้นเนื่องจากการที่ตั้งใจศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าและหลักการปฏิบัติตนตามหลักคำสอนอย่างถูกต้อง
เพราะในปัจจุบันคนเราเน้นการทำบุญโดยเอาความสะดวกสบายและง่ายเข้าว่า โดยบ้างครั้งอาจจะผิดหลักคำสอนจนความตั้งใจทำบุญจริงๆนั้นกลายมาเป็นบาป และบ้างครั้งอาจจะหลงผิดใช้เงินกับการทำบุญที่ผิดวิธีจนได้บาปเช่นกัน แต่เราก็สามารถทำบุญอย่างง่ายๆและถูกต้องได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงต้องรู้หลักการปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อที่จะได้บุญจริงๆ

บทความใน Blog นี้จึงขอมุ่งเน้นหยิบยกเนื้อหาอ้างอิงจากพระไตรปิฏกเป็นหลักและบทความจากผู้ที่ศึกษาพระไตรปิฏกอย่างจริงจังที่น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน การทำ Blog นี้มีเจตนาเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางที่สำหรับผู้คนอาจจะพบเห็นและได้ศึกษาธรรมมากขึ้น

"การศึกษาอะไรที่ยิ่งใหญ่ อาจจะมาจากเรื่องที่เราสงสัยเล็กๆเพียงเรื่องเดียว"

***ทั้งนี้เนื้อหาที่ได้ลงไปใน Blog ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณและศึกษาจากพระไตรปิฏกควบคู่ไปด้วยเพราะอาจมีการคลาดเคลื่อนของเนื้อหา เพื่อผู้อ่านจะได้รับความรู้ที่ตรงและถูกต้องที่สุดครับ***

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผู้ที่เป็นเจ้านายควรระวัง !!!

ผู้ที่เป็นเจ้านายควรระวัง !!!


ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มา update blog เท่าที่ควรครับ เพราะงานเยอะและมีปัญหาด้านต่างๆเข้ามาแต่ก็ต้องทำใจยอมรับครับว่า มันเป็นกรรมของเราเอง ถ้าเราไม่รับผลกรรมนั้นใครจะมารับแทนเรา ถึงแม้ว่าเราจะจำไม่ได้ว่าทำอะไรไว้บ้าง แต่ก็ต้องรู้ครับว่าถ้าเราไม่ได้ทำกรรมนั้นไว้ กรรมนั้นจะทำอะไรเราไม่ได้แน่นอนครับ

ช่วงนี้มีเรื่องที่น่าคิดอยู่ 1 เรื่องครับ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิต คือเรื่องงาน สังเกตุไหมครับว่าเจ้าของกิจการต่างๆในประเทศเรานั้นส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนครับ
"ต้องขอโทษคนไทยเชื้อสายจีนทุกท่านด้วยนะครับ แต่เรื่องที่จะเขียนนี้เป็นเฉพาะบ้างท่านที่ผมได้พบเจอครับ"

ส่วนใหญ่คนไทยเชื้อสายจีนเท่าที่ผมเห็นและรู้จักนั้นมีบุญด้านโภคทรัพย์แสดงผลมากครับเพราะทำกิจการต่างๆประสบความสำเร็จ ถึงแม้ว่าพื้นฐานอาจจะยากจนมาก่อน แต่พอบุญนั้นแสดงผลแล้วทำให้มีความร่ำรวยมากขึ้นครับ

แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าคนไทยเชื้อสายจีนถ้ามองในมุมของศาสนาพุทธนั้นจะรักษาทรัพย์ไม่ถูกต้องตามศาสนาพุทธครับ เพราะยังติดไหว้เจ้า ไหว้ผี ไหว้บรรพบุรุษอยู่ แต่ก็เป็นความเชื่อและธรรมเนียมของเขาครับ 

ซึ่งตามพุทธศาสนาและการลงทุนแล้ว บุญที่ได้ไม่คุ้มค่ากับราคาหมู เห็ด เป็ด ไก่ ที่ซื้อไปเลยครับ ลองหาอ่านตามบทความที่ผมเคยเขียนนะครับว่าทำบุญอย่างไรถึงจะได้ผลบุญเยอะครับ เช่น 
ซื้อไก่ 1 ตัวทำบุญอย่างไรจะได้ เป็น 100 เท่า 1,000 เท่า ครับ

*****************************************************

อีก 1 อย่างที่พบเห็นเยอะคือ เป็นคนขี้เหนียวและหวงทรัพย์สมบัติ ข้อนี้ไม่ว่าจะเป็นคนไทยเชื่อสายจีน หรือคนไทยแท้ มีให้พบเห็นกันมากครับ  เรื่องนี้พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเป็นอันตรายครับตามบทที่ยกมาให้ศึกษาครับ

คนหวงทรัพย์ตายไปเกินเป็นสัตว์เฝ้าทรัพย์

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 191
.
.
พระราชารับสั่งให้เปิดประตู     เสด็จไปถึงฝั่งน้ำ   ตรัสว่า   พวกเจ้า
จงค้นดู      แล้วรับสั่งให้ค้นหาในที่นั้น ๆ    ไม่มีใครเห็นพระกุมาร
ฝ่ายพระกุมารนั้นเล่า     ในเวลาที่เมฆมืดครึ้ม     ฝนตกกระหน่ำ
ลอยไปในแม่น้ำ  เห็นท่อนไม้ท่อนหนึ่ง  จึงเกาะท่อนไม้  อันมรณภัย
คุกคามแล้ว  ร้องคร่ำครวญลอยไป.
ก็ในกาลนั้น    เศรษฐีชาวเมืองพาราณสีผู้หนึ่ง    ฝังทรัพย์
๔๐   โกฏิไว้ที่ฝั่งแม่น้ำ    เพราะความเป็นห่วงทรัพย์     ตายไปจึง
ไปเกิดเป็นงูอยู่เหนือขุมทรัพย์.     ยังมีอีกผู้หนึ่งฝังสมบัติไว้ตรงนั้น
เหมือนกัน    ๓๐   โกฏิ   เพราะความเป็นห่วงทรัพย์    ตายไปบังเกิด
เป็นหนูอยู่ในที่นั้นเหมือนกัน.
.
.
.
*****************************************************

และอีก 1 สิ่งที่ผมเจอ คือ พูดง่ายๆว่าคนที่ขี้โกงคนครับ โดยเฉพาะเจ้านายที่ชอบโกงและเบียดเบียนลูกน้องเพราะห่วงในทรัพย์ของตนเอง เช่น

ในการจ้างงานมีการตกลงกันว่าจะจ่ายค่าจ้างให้เดือนละเท่านี้ เป็นเวลาในช่วงทดลองงานกี่เดือน และเมื่อผ่านช่วงทดลองงาน แล้วจะขึ้นเงินเดือนให้เท่านี้  ต่างฝ่ายต่างตกลงกันและรับจ้างงานกันตามที่ตกลงไว้นี้ แต่พอผ่านช่วงทดลองงานแล้วนายจ้างไม่ทำตามที่ตนเองรับปากไว้โดยหาข้ออ้างต่างๆ อาจจะบิดเบือนคำพูด หรืออะไรก็ตาม เพราะยังไม่อยากขึ้นเงินเดือนให้

แค่นี้ก็เท่ากับว่าผิดศีลไป 3 ข้อแล้วครับ และผิดสัจจะที่ได้ให้ไว้ด้วยครับ คือ

1.ไม่ทำตามที่ตกลงกันจงใจที่จะผิดสัญญาที่ให้ไว้ โดยหาข้ออ้างต่างๆ เท่ากับ นายจ้างผิดศีลข้อโกหก

2.ลูกจ้างไม่ได้เงินเดือนตามที่เขาสมควรจะได้โดยที่เข้าไม่ได้มีความผิดอะไร ที่ถึงกับไม่สมควรจะไม่ให้เขาผ่านการทดลองงาน เท่ากับ นายจ้างลักทรัพย์ลูกจ้าง เช่น ให้เงินเดือน 9,000 บาท ผ่านทดลองงาน จะให้เป็น 10,000 บาท เท่ากับว่านายจ้างลักทรัพย์ ลูกจ้างไป 1,000 บาท ยิ่งต่อเวลาทดลองงานหลายเดือนก็จะยิ่งผิดลักทรัพย์มากขึ้นเรื่อยๆ

3.จากการที่ลูกจ้างไม่ได้ผ่านงานเงินเดือนไม่ขึ้นก็อาจจะทำให้เขาอยู่ยากมากขึ้น เท่ากับ นายจ้างผิดศีลขอเบียดเบียนสัตว์ยิ่งต่อเวลาทดลองงานหลายเดือนก็จะยิ่งผิดเบียดเบียนสัตว์มากขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนในทางโลกนั้น แน่นอนว่าลูกจ้างนั้นก็จะไม่รักและทำงานให้บริษัทอย่างเต็มที่แน่นนอนครับ

*****************************************************

ดังนั้นถ้ากิจการของท่านกำลังยำแย่ และได้กำไรน้อยลง หรือขาดทุน มันอาจจะมาจากที่กล่าวมานี้ก็ได้ครับ ลองมองดูนะครับว่าท่านทำกับลูกน้องท่านอย่างนี้หรือเปล่า เพราะถ้าบริษัทยิ่งใหญ่ แล้วทำผิด ยิ่งเบียดเบียนคนมากนะครับ

แต่ถ้ากลับกันถ้ารู้จักการให้มันก็เป็นทานที่จะช่วยให้ท่านเจริญ และมีโภคทรัพย์มากขึ้นครับ
สิ่งที่ได้แน่ๆคือ ลูกน้องจะรัก และ ทำงานให้ท่านอย่างเต็มความสามารถแน่นอนครับ

ฝากไว้ 2 อย่างครับ

1.ในสัมมาทิฏฐิ 10 ประการ ข้อที่ 1.ทานให้แล้วมีผล ครับ
2.ขโมยเงิน 1 บาทจาก 100 คน กับ ขโมยเงิน 100 บาท จากคน 1 คน ผลคือ ได้เงิน 100 บาท เท่ากัน แต่บาปที่ได้ แตกต่างกันอย่างมากมายครับ

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ละอายไหมจากคำพูดที่ว่า " เราเป็นชาวพุทธ "

ละอายไหมจากคำพูดที่ว่า " เราเป็นชาวพุทธ "



ตั้งแต่เกิดจนถึงจำความได้เราทุกคนที่พ่อ แม่ นับถือศาสนาพุทธ เราจะเป็นชาวพุทธโดยสถานะโดยอัตโนมัติ

แต่เรานั้นรู้จักคำว่าพุทธจริงๆ หรือ ไม่ ?

รู้จักแค่ พุทธรูป การสวดมนต์ และพระ แต่ไม่รู้จัก พุทธเจ้า ธรรม สงฆ์ จริงๆเลย

ไม่รู้จักว่าพระพุทธเจ้าของเรายอดเยี่ยมขนาดไหน
ไม่รู้จักธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ว่าจริงแท้แค่ไหน
ไม่รู้จักว่าพระสงฆ์จริงต้องปฏิบัติตนเช่นไร

อย่างนี้เราจะเรียกตัวเองว่าเป็นชาวพุทธได้หรือไม่ ?

จนทำให้ทุกวันนี้พูดเรื่องศาสนาแล้วคนเราไม่รู้ว่าพระทำอะไรได้หรือไม่ได้บ้าง จนกลายเป็นว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจไป เช่น

พระรับเงิน ทองไม่ได้
พระขุดดินไม่ได้
พระตัดต้นไม้ไม่ได้
พระจับพืชที่มีรากไม่ได้
พระปลูกต้นไม้ไม่ได้
พระไม่มีฉันเพล

ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราเห็นกันจนชินตา แต่กับทราบกันไหมว่าพระทำไม่ได้ ถ้าทำต้องอาบัติ เพราะพระก็มีบทลงโทษเช่นกันตามความหนักเบาของการกระทำผิดนั้นๆ
ถ้าสิ่งที่ยกตัวอย่างมาท่านที่อ่านลองถามตัวเองว่าทราบหรือไม่ ถ้าท่านไม่ทราบแล้วอย่างนี้ท่านควรจะเรียกตนเองว่าชาวพุทธได้หรือไม่ครับ

ซึ่งไม่แปลกที่โยมในสมัยนี้จะไม่ได้ศึกษาพระวินัย
แต่เป็นเรื่องแปลกของผู้ที่บวชเป็นพระแล้วไม่ได้ศึกษากฏกติกาและข้อปฏิบัติของตน

ยกตัวอย่าง เช่น

ถ้าเราเป็นนักฟุตบอลเราก็ต้องรู้และปฏิบัติตามกฏกติกาของฟุตบอล
ถ้าเราเป็นคนไทยก็ต้องรู้และปฏิบัติตามกฏกติกาของประเทศไทย กฏหมายไทย
ถ้าเป็นพระต้องรู้และปฏิบัติตามธรรมวินัยของพระศาสดาที่บัญญัติไว้

เมื่อเราไม่รู้เราก็สามารถศึกษาและปฏิบัติตนให้สมกับที่เราเป็นชาวพุทธได้ครับ
และเราถึงจะพูดว่าเราเป็น " ชาวพุทธ " ได้เต็มปากและภาคภูมิใจครับ

ถึงฟังเทศจากพระที่มีชื่อเสียงก็อย่างเพิ่งเชื่อง่ายๆ

ถึงฟังเทศจากพระที่มีชื่อเสียงก็อย่างเพิ่งเชื่อง่ายๆ


จากในช่วงนี้มีเรื่องพระออกรายการต่างๆมากมาย รวมถึงข่าวต่างๆ ผมก็ได้ลองหาไฟล์ใน Youtube เพื่อหาฟังคำสอนของแต่ละท่านที่มีข่าวออกมาว่าท่านไหนจริงหรือปลอม

ต้องบอกว่าเรานั้นมีความโชคดีอยู่ครับว่า เทคโนโลยีสมัยนี้ทำให้เราศึกษาพระธรรมคำสอนได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเสียค่ารถหรือเสียเวลาไปฟังที่วัดหรือที่อื่นเลย

เพราะจะหาพระที่ว่าดีจริงๆนั้นเราอาจจะต้องนั่งรถข้ามจังหวัดกันเลยทีเดียว และเรานั้นสามารถหาอ่านพระไตรปิฏกออนไลท์ได้เลยครับ

บ้างท่านอาจจะถามว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องฟังจากองค์ไหน องค์ไหนดีจริง
คำตอบคือองค์ไหนที่เรารู้สึกสนใจก็ฟังไปเถอะครับ และที่สำคัญคือ ต้องหาคำตอบตรวจสอบ เทียบเคียงจากพระไตรปิฏกด้วยว่าที่ท่านเทศสอนนั้นตรงตามพระบัญญัติหรือไม่

หรือถ้าใครไม่แน่ใจกับพระ ก็ลองอ่านในพระไตรปิฏกโดยตรงเลยดีที่สุดครับ