กล่าวนำและทำความเข้าใจ

กล่าวนำและทำความเข้าใจ

Blog นี้จัดทำขึ้นเนื่องจากการที่ตั้งใจศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าและหลักการปฏิบัติตนตามหลักคำสอนอย่างถูกต้อง
เพราะในปัจจุบันคนเราเน้นการทำบุญโดยเอาความสะดวกสบายและง่ายเข้าว่า โดยบ้างครั้งอาจจะผิดหลักคำสอนจนความตั้งใจทำบุญจริงๆนั้นกลายมาเป็นบาป และบ้างครั้งอาจจะหลงผิดใช้เงินกับการทำบุญที่ผิดวิธีจนได้บาปเช่นกัน แต่เราก็สามารถทำบุญอย่างง่ายๆและถูกต้องได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงต้องรู้หลักการปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อที่จะได้บุญจริงๆ

บทความใน Blog นี้จึงขอมุ่งเน้นหยิบยกเนื้อหาอ้างอิงจากพระไตรปิฏกเป็นหลักและบทความจากผู้ที่ศึกษาพระไตรปิฏกอย่างจริงจังที่น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน การทำ Blog นี้มีเจตนาเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางที่สำหรับผู้คนอาจจะพบเห็นและได้ศึกษาธรรมมากขึ้น

"การศึกษาอะไรที่ยิ่งใหญ่ อาจจะมาจากเรื่องที่เราสงสัยเล็กๆเพียงเรื่องเดียว"

***ทั้งนี้เนื้อหาที่ได้ลงไปใน Blog ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณและศึกษาจากพระไตรปิฏกควบคู่ไปด้วยเพราะอาจมีการคลาดเคลื่อนของเนื้อหา เพื่อผู้อ่านจะได้รับความรู้ที่ตรงและถูกต้องที่สุดครับ***

วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

พระกับการปฏิบัติตน (แก้ไข เพิ่มเติม)


พระกับการปฏิบัติตน (แก้ไข เพิ่มเติม)



จากที่ผ่านๆมามีข่าวเกี่ยวกับพระมากมายเหลือเกิน จนทำให้บ้างคนหมดความเลื่อมใส่ในพระพุทธศาสนาไปก็มาก และบ้างคนก็อาจจะเข้าใจผิดว่าพระที่ออกข่าวบางรูปนั้นดี บ้างรูปไม่ดี ทำร้ายศาสนา (บางครั้งนั้นเป็นเพราะเราไม่ได้ศึกษาหลักธรรม แล้วตัดสินเอาเองตามที่ใจเราต้องการ) บางครั้งพระก็ออกมาว่ากันเองว่าท่านองค์นี้ทำถูก องค์นี้ทำผิด จนทำให้คนสับสนว่าองค์ไหนถูกหรือผิดกันแน่ ???
แต่ทางที่ดีเราไม่ควรจะวิจารณ์พระจากการเห็นเพียงแค่ครั้งสองครั้งยกเว้นสิ่งที่เห็นมันไม่เหมาะสมจริงๆตามหลักทั่วๆไป ธรรมวินัยนั้นเคร่งครัดอย่างมากครับ และการที่เราจะรู้ว่าพระองค์ไหนดีไม่ดีนั้นต้องใช้เวลาคลุกคลีใกล้ชิดกับท่านถึงจะทราบได้ว่าองค์ไหนปฏิบัติตนเป็นเช่นไร

เหมือนดังเช่นในสมัยพุทธกาล(พระไตรปิฎกเล่มที่ 22ข้อ 330) 
พระพุทธเจ้าได้ตรัสถามพ่อค้าฟืนคนหนึ่งว่า ได้ทำบุญบ้างหรือเปล่า พ่อค้าฟืนคนนั้นตอบว่า ไม่ต้องห่วงเพราะว่าเขาได้ทำบุญกับพระอรหันต์อยู่เป็นประจำ
พระพุทธเจ้าได้ถามพ่อค้าฟืนคนนั้นต่อว่า ทราบได้อย่างไรว่าเป็นพระอรหันต์ พ่อค้าฟืนตอบว่า ก็เพราะว่าพระรูปนั้น ปลีกวิเวก อยู่ป่า และมีกิริยาที่เหมือนกับพระอรหันต์
พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า เป็นเรื่องยากสำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆ ที่จะรู้ว่าพระรูปไหนเป็นพระอรหันต์ เพราะพระบางรูปที่ ปลีกวิเวก อยู่ป่า แต่ภายในอาจจะยังคงมีกิเลสตัณหาอยู่มากมาย จิตฟุ้งซ่าน จิตไม่ตั่งมั่น ถือตัว จึงยังห่างไกลจากคำว่าพระอรหันต์
ในขณะที่พระบางรูป ที่ไม่ได้อยู่ป่า คลุกคลีกับผู้อื่น(พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้อยู่แต่ในป่า และพระองค์ก็คลุกคลีกับฝูงชนมากมาย) แต่ภายในใจอาจจะสิ้นแล้วซึ่งกิเลสตัณหาจนบรรลุอรหันต์ไปแล้วก็เป็นไปได้

อ้างอิงจาก
http://www.nutpobtum.com/index.php?mo=3&art=422216

มีสิ่งหนึ่งที่ผมว่าน่าจะเป็นคำตอบที่ดีอีกคำตอบหนึ่งครับว่าพระองค์ไหนปฏิบัติตนถูกต้องไหม คือ การนับถือและปฏิบัติตามนิกายอะไร ??? เพราะศาสนาพุทธมีหลายนิกาย และแต่ละนิกายก็ปฏิบัติเครงครัดต่างกันเพื่อจุดประสงค์ในการบรรลุที่ต่างกัน ลองศึกษาเพิ่มเติมนะครับว่านิกายไหนต้องปฏิบัติตนอย่างไรครับ

เพิ่มเติม 

ส่วนนิกายที่พระพุทธเจ้าเป็นศาสดานั้น นิกายตามพระไตรปิฏกนั้น คือ นิกายเถระวาท ที่พระต้องปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระศาสดา ซึ่งก็คือไม่สามารถรับเงิน ทอง ที่ดิน หรืออะไรต่างๆที่ผิดพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ได้

แต่ในปัจจุบันนั้นพระที่บวชในศาสนาและบอกว่าเป็นนิกายเถระวาทนั้น ปฏิบัติตนผิดไปจากหลักธรรมและผิดพระวินัยอย่างมากครับ