กล่าวนำและทำความเข้าใจ

กล่าวนำและทำความเข้าใจ

Blog นี้จัดทำขึ้นเนื่องจากการที่ตั้งใจศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าและหลักการปฏิบัติตนตามหลักคำสอนอย่างถูกต้อง
เพราะในปัจจุบันคนเราเน้นการทำบุญโดยเอาความสะดวกสบายและง่ายเข้าว่า โดยบ้างครั้งอาจจะผิดหลักคำสอนจนความตั้งใจทำบุญจริงๆนั้นกลายมาเป็นบาป และบ้างครั้งอาจจะหลงผิดใช้เงินกับการทำบุญที่ผิดวิธีจนได้บาปเช่นกัน แต่เราก็สามารถทำบุญอย่างง่ายๆและถูกต้องได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงต้องรู้หลักการปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อที่จะได้บุญจริงๆ

บทความใน Blog นี้จึงขอมุ่งเน้นหยิบยกเนื้อหาอ้างอิงจากพระไตรปิฏกเป็นหลักและบทความจากผู้ที่ศึกษาพระไตรปิฏกอย่างจริงจังที่น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน การทำ Blog นี้มีเจตนาเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางที่สำหรับผู้คนอาจจะพบเห็นและได้ศึกษาธรรมมากขึ้น

"การศึกษาอะไรที่ยิ่งใหญ่ อาจจะมาจากเรื่องที่เราสงสัยเล็กๆเพียงเรื่องเดียว"

***ทั้งนี้เนื้อหาที่ได้ลงไปใน Blog ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณและศึกษาจากพระไตรปิฏกควบคู่ไปด้วยเพราะอาจมีการคลาดเคลื่อนของเนื้อหา เพื่อผู้อ่านจะได้รับความรู้ที่ตรงและถูกต้องที่สุดครับ***

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

ศีล 10

ศีล 10
ถ้าใครเคยไปร่วมงานบวชต่างๆ คงจะเคยเห็นการที่คนรอใส่บาตรพระบวชใหม่ด้วยเงิน ทอง โดยเฉพาะบางพื้นที่มีความเชื่อว่า ใส่เงิน ทอง ให้กับพระบวชใหม่จะได้บุญมาก

ผมยอมรับตามตรงว่าก่อนที่จะได้ศึกษาพระธรรมนั้นเคยใส่เงินในบาตร ในย่ามพระ เช่นกันครับ โดยตอนนั้นไม่ได้รู้อะไรเลย รู้แค่ว่า พ่อ แม่ คนรอบข้างบอกว่าว่าได้บุญ ก็ทำไปครับ

ยิ่งในตอนที่ผมบวชเองด้วยนั้นพอออกจากโบสถ์แล้วก็มารับเงินที่ญาติ โยมคอยมาถวายกัน ก็ไม่รู้เรื่องอีกเช่นกันครับรู้แต่ว่าเขาทำบุญ

แต่ความจริงแล้วนั้นในตอนที่กล่าวคำขอบวช จะมีคำรับเอาศีล 10 เพื่อมาถือปฏิบัติ ครับ ลองหาตามเว็บได้ครับมีคำกล่าวขอบวชให้ศึกษามากมาย

แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าเมื่อผู้บวชกล่าวคำรับศีล 10 เสร็จแล้ว พอออกจากโบสถ์ ก็ทำผิดศีลเลย คือรับเงิน รับทอง เป็นอาบัติเรียบร้อยครับ

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 22

สิกขาบท  ๑๐   ในขุททกปาฐะ

[๒]    ข้าพเจ้าสมาทาน   สิกขาบท   คือเจตนางดเว้นจากปาณาติบาต
ข้าพเจ้าสมาทานสิกขาบท   คือเจตนางดเว้นจากอทินนาทาน
ข้าพเจ้าสมาทานสิกขาบท   คือเจตนางดเว้นจากอพรหมจรรย์
ข้าพเจ้าสมาทานสิกขาบท   คือเจตนางดเว้นจากมุสาวาท
ข้าพเจ้าสมาทานสิกขาบท   คือเจตนางดเว้นจากที่ตั้งแห่งความประมาท   คือการเสพของเมา   คือสุราเมรัย
ข้าพเจ้าสมาทานสิกขาบท   คือเจตนางดเว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล
ข้าพเจ้าสมาทานสิกขาบท   คือเจตนางดเว้นจากการฟ้อนรำ   ขับร้อง   การประโคม  และการดูการเล่นอันเป็นข้าศึกแก่กุศล
ข้าพเจ้าสมาทานสิกขาบท   คือเจตนางดเว้นจากจากการลูบไล้  ทัดทรง ประดับประดาดอกไม้ ของหอมอันเป็นลักษณะการแต่งตัว
ข้าพเจ้าสมาทานสิกขาบท   คือเจตนางดเว้นจากการนั่งนอนบนที่นั่งที่นอนสูงใหญ่
ข้าพเจ้าสมาทานสิกขาบท   คือเจตนางดเว้นจากการรับทองและเงิน

จบสิกขาบท  ๑๐

ชัดเจนมากๆครับ...พอได้มาทราบแบบนี้แล้วผมเศร้าใจมากๆครับ ลองมองดูนะครับว่าใครกันแน่ที่พากันทำลายศาสนา(จากความไม่รู้)ครับ

****************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น