กล่าวนำและทำความเข้าใจ

กล่าวนำและทำความเข้าใจ

Blog นี้จัดทำขึ้นเนื่องจากการที่ตั้งใจศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าและหลักการปฏิบัติตนตามหลักคำสอนอย่างถูกต้อง
เพราะในปัจจุบันคนเราเน้นการทำบุญโดยเอาความสะดวกสบายและง่ายเข้าว่า โดยบ้างครั้งอาจจะผิดหลักคำสอนจนความตั้งใจทำบุญจริงๆนั้นกลายมาเป็นบาป และบ้างครั้งอาจจะหลงผิดใช้เงินกับการทำบุญที่ผิดวิธีจนได้บาปเช่นกัน แต่เราก็สามารถทำบุญอย่างง่ายๆและถูกต้องได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงต้องรู้หลักการปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อที่จะได้บุญจริงๆ

บทความใน Blog นี้จึงขอมุ่งเน้นหยิบยกเนื้อหาอ้างอิงจากพระไตรปิฏกเป็นหลักและบทความจากผู้ที่ศึกษาพระไตรปิฏกอย่างจริงจังที่น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน การทำ Blog นี้มีเจตนาเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางที่สำหรับผู้คนอาจจะพบเห็นและได้ศึกษาธรรมมากขึ้น

"การศึกษาอะไรที่ยิ่งใหญ่ อาจจะมาจากเรื่องที่เราสงสัยเล็กๆเพียงเรื่องเดียว"

***ทั้งนี้เนื้อหาที่ได้ลงไปใน Blog ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณและศึกษาจากพระไตรปิฏกควบคู่ไปด้วยเพราะอาจมีการคลาดเคลื่อนของเนื้อหา เพื่อผู้อ่านจะได้รับความรู้ที่ตรงและถูกต้องที่สุดครับ***

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

นิพพานเพื่ออะไร ???

นิพพานเพื่ออะไร ???



เมื่อประมาณอาทิตย์ก่อนหน้านี้ผมได้อ่าน ลักษณะของมหาบุรุษ (มหาปุริสลักษณะ) และก็คิดว่าจะเขียนเรื่องยังไงดีนะ แต่พอมาวันนี้ผมได้อ่านข่าวหนึ่งของ www.sanook.com เลยได้จังหวะที่จะนำมาให้ศึกษากันครับ

http://news.sanook.com/1640105/%E0%B8%81%E0%B8%AD.%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99.%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2/

สรุปข่าวนะครับ ประมาณว่ามีผู้อวดอ้างว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด ที่ประเทศกัมพูชา และที่สำคัญครับในข่าวระบุว่ามีคนไทยและคนกัมพูชาหลงเชื่อมากมายครับ ทั้งๆที่เรียกตัวเองว่าเป็นชาวพุทธครับ

ให้คิดง่ายๆนะครับการนิพพานคือการที่ไม่กลับมา เกิด อีก ซึ่งชาวพุทธน่าจะเข้าใจกันดี แต่ว่าทำไม่มีผู้มาอวดอ้างว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด กลับหลงเชื่อกันมากมาย

ถ้าเป็นคุณพยายามปฏิบัติเพื่อการดับหรือการหลุดพ้น แต่คุณต้องกลับมา เวียนว่ายตายเกิดอีก คุณจะเอาไหมครับ ต้องมาทนทุกข์ทรมานอีก การที่เราศึกษาพระธรรมจริงๆนั้นก็จะช่วยให้เราไม่โดนหลอกง่ายๆ ในเรื่องพวกนี้ด้วยนะครับ

และอีก 1 สิ่งที่น่าจะเป็นข้อสังเกตุที่ดี คือ พระพุทธเจ้าเรานั้นมีลักษณะ มหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ ซึ่งท่านได้สั่งสมบุญบารมีมานานมากๆๆๆๆๆๆๆๆ จนถึงชาติที่ท่านจะได้ตรัสรู้ ซึ่งดูจากรูปของบุคคลที่อวดอ้างในรูปแล้วนั้นไม่น่าจะใกล้เคียงครับ

คือถ้าพูดง่ายๆอย่างน้อยผู้ที่มีลักษณะ มหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ ต้องรูปร่างหน้าตาดีมากๆ ครับ


พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 234

[๕๘๘]  ครั้งนั้นแล    อุตตรมาณพได้มีความคิดว่า   พระสมณโคดม
ทรงประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ    อย่ากระนั้นเลย    เราพึงติด
ตามพระสมณโคดม    พึงดูพระอิริยาบถของพระองค์เถิด    ครั้งนั้นแล   อุตตร
มาณพได้ติดตามพระผู้มีพระภาคเจ้าไปตลอด  ๗  เดือน      ดุจพระฉายาติดตาม
พระองค์ไปฉะนั้น.    ครั้งนั้นอุตตรมาณพได้เที่ยวจาริกไปทางเมืองมิถิลา    ใน
วิเทหชนบทโดยล่วงไป ๗ เดือน    เมื่อเที่ยวจาริกไปโดยลำดับ     ได้เข้าไปหา
พรหมณ์ที่เมืองมิถิลาไหว้พรหมายุพราหมณ์แล้ว   จึงนั่ง  ณ  ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว    พรหมายุพราหมณ์ได้ถามว่า   พ่ออุตตรมาณพ   กิตติศัพท์ของท่าน
พระโคดมพระองค์นั้น    ขจรไปแล้วเป็นจริงอย่างนั้นไม่เป็นอย่างอื่นหรือ    ก็
ท่านพระโคดมพระองค์นั้นเป็นเช่นนั้นไม่เป็นเช่นอื่นแลหรือ.

มหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ

[๕๘๙]  อุตตรมาณพตอบว่า   ข้าแต่ท่านผู้เจริญ   กิตติศัพท์ของท่าน
พระโคดมพระองค์นั้น    ขจรไปแล้วเป็นจริงอย่างนั้น   ไม่เป็นอย่างอื่น  และท่าน
พระโคดมพระองค์นั้นเป็นเช่นนั้นจริง      ไม่เป็นอย่างอื่น     ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
ท่านพระโคดมพระองค์นั้น  ทรงประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการคือ
๑.    ท่านพระโคดมพระองค์นั้นมีพระบาทประดิษฐานอยู่
ด้วยดี   แม้ข้อนี้ก็เป็นมหาปุริสลักษณะแห่งมหาบุรุษ   ของท่านพระ-
โคดมพระองค์นั้น
๒.    มีลายจักรอันมีกำพันหนึ่ง  มีกงพันหนึ่ง   มีดุมพันหนึ่ง
บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง   เกิดภายใต้ฝ่าพระบาททั้งสอง
๓.    ทรงมีพระส้นยาว
๔.    ทรงมีพระองคุลียาว
๕.    ทรงมีฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทอ่อนนุ่ม
๖.     ทรงมีฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทเป็นลายตาข่าย
๗.    ทรงมีพระบาทสูงนูน
๘.    พระมีพระชงฆ์เรียวดังแข้งเนื้อทราย
๙.    ทรงประทับยืนตรง ไม่ค้อมลง  ฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองลูบ
คลำพระชานุมณฑลทั้งสองได้
๑๐.   ทรงมีพระคุยหฐานเร้นอยู่ในฝัก
๑๑.   ทรงมีพระฉวีรรณดังทองคำ
๑๒.  ทรงมีพระฉวีละเอียดดังผิวทองคำเพราะทรงมีพระฉวี
ละเอียดฝุ่นละอองไม่ติดพระกาย
๑๓.   ทรงมีพระโลมาขุมละเส้น
๑๔.  ทรงมีพระโลมาปลายงอนขึ้นเบื้องบนทุกเส้น  สีเขียว
ดังดอกอัญชัน  ขอเป็นมณฑลทักษิณาวัฏ
๑๕.   ทรงมีพระกายตรงดังกายพรหม
๑๖.   ทรงมีพระกายเต็มในที่  ๗ แห่ง
๑๗.  มีพระกายเต็มดังกึ่งกายเบื้องหน้าแห่งสีหะ
๑๘.  ทรงมีพระปฤษฎางค์เต็ม
๑๙.    ทรงมีปริมณฑลดังต้นนิโครธ   มีพระกายกับวาเท่ากัน
๒๐.  ทรงมีพระศอกลมเสมอ
๒๑.   ทรงมีเส้นประสาทสำหรับรับรสหมดจดดี
๒๒.  ทรงมีพระหนุดังคางราชสีห์
๒๓.  ทรงมีพระทนต์  ๔๐  ซี่
๒๔.  ทรงมีพระทนต์เสมอ
๒๕.  ทรงมีพระทนต์ไม่ห่าง
๒๖.  ทรงมีพระทาฐาอันขาวงาม
๒๗.  ทรงมีพระชิวหาใหญ่ยาว
๒๘.  ทรงมีพระสุรเสียงดังเสียพรหม
๒๙.  ทรงมีพระเนตรดำสนิท
๓๐.   ทรงมีดวงพระเนตรดังตาโค
๓๑.   ทรงมีพระอุณาโลมขาวละเอียดอ่อนดังสำลี       เกิด
ระหว่างพระโขนง
๓๒.  มีพระเศียรกลมเป็นปริมณฑลดังประดับด้วยกรอบ
พระพักตร์.
.
.
.

********************************************

ขอขอบคุณข่าวจาก www.sanook.com ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ  ^___________^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น