กล่าวนำและทำความเข้าใจ

กล่าวนำและทำความเข้าใจ

Blog นี้จัดทำขึ้นเนื่องจากการที่ตั้งใจศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าและหลักการปฏิบัติตนตามหลักคำสอนอย่างถูกต้อง
เพราะในปัจจุบันคนเราเน้นการทำบุญโดยเอาความสะดวกสบายและง่ายเข้าว่า โดยบ้างครั้งอาจจะผิดหลักคำสอนจนความตั้งใจทำบุญจริงๆนั้นกลายมาเป็นบาป และบ้างครั้งอาจจะหลงผิดใช้เงินกับการทำบุญที่ผิดวิธีจนได้บาปเช่นกัน แต่เราก็สามารถทำบุญอย่างง่ายๆและถูกต้องได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงต้องรู้หลักการปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อที่จะได้บุญจริงๆ

บทความใน Blog นี้จึงขอมุ่งเน้นหยิบยกเนื้อหาอ้างอิงจากพระไตรปิฏกเป็นหลักและบทความจากผู้ที่ศึกษาพระไตรปิฏกอย่างจริงจังที่น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน การทำ Blog นี้มีเจตนาเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางที่สำหรับผู้คนอาจจะพบเห็นและได้ศึกษาธรรมมากขึ้น

"การศึกษาอะไรที่ยิ่งใหญ่ อาจจะมาจากเรื่องที่เราสงสัยเล็กๆเพียงเรื่องเดียว"

***ทั้งนี้เนื้อหาที่ได้ลงไปใน Blog ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณและศึกษาจากพระไตรปิฏกควบคู่ไปด้วยเพราะอาจมีการคลาดเคลื่อนของเนื้อหา เพื่อผู้อ่านจะได้รับความรู้ที่ตรงและถูกต้องที่สุดครับ***

วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เราควรโทษใคร ???

เราควรโทษใคร ???



ก่อนหน้านี้มีเรื่องแม่ชีท่านหนึ่งที่โดนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการใช้ของที่ดูแล้วหรูหราเกินสถานะเกินไปตามที่เป็นข่าวครับ

ผมมี 1 ข้อคิดให้ลองคิดเปรียบเทียบง่ายๆนะครับ

เราทราบดีว่าก่อนพระพุทธเจ้าเราจะตัดสินใจออกผนวชนั้นท่านเป็นทายาทกษัตริย์ และได้ถูกทำนายตั้งแต่ประสูติว่า ถ้าออกผนวชจะได้เป็นพระศาสดา และถ้าครองเรือนจะเป็นมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ สุดท้ายตามประวัติท่านก็สละทุกอย่างเพื่อออกผนวช ไม่ว่าจะเป็นราชสมบัติ หรือแม้กระทั้งพระมเหสีและพระราชบุตร

พอท่านได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ผมขอใช้คำง่ายๆนะครับว่าท่านก็มีลูกศิษย์มากมาย มีทั้งพ่อค้า มีทั้งเศรษฐี จนถึงระดับกษัตริย์ของเมืองต่างๆ

เราลองคิดดูง่ายๆนะครับว่าถ้าท่านบวชเพื่อหาเงิน หาทอง หาสมบัติ ท่านจะได้มากมายขนาดไหนครับ
ขนาดแค่พระผู้ใหญ่ในบ้านเรายังมีเงินเก็บเป็นหลายๆล้านก็ยังมี

อีก 1 มุมมองครับ

แล้วพวกเราละครับจะขนสมบัติไปให้พระกันมากมายขนาดไหน  ทั้งๆที่ท่านเหล่านั้นบวชมาในศาสนานี้เพื่อสละสิ่งเหล่านี้เพื่อการหลุดพ้นและพระศาสดาห้ามไม่ให้รับด้วยตามพระวินัย

สิ่งเหล่านี้เราอาจจะคิดว่าดี คิดว่าถูกในความเห็นของหลายๆคน  และมันเลยกลายเป็นเรื่องธรรมดาและเคยชินในการรับสิ่งของมีค่า เช่น เงิน ทอง ที่ดิน ของพระไปโดยธรรมดาเช่นกัน

พอเราทำกันมาเป็นเวลานานๆ โดยไม่ได้รู้ข้อมูลที่แท้จริงก็มีการผิดเพี้ยนไป  อย่างเช่น  มีเกมส์หนึ่งที่ผมเคยเล่นตอนเด็กในชั่วโมงเรียน  ที่ให้คนมาต่อแถวกันและส่งข้อความผ่านกันโดยการกระซิบบอกต่อคนข้างๆไปเรื่อยๆ  และห้ามให้คนอื่นได้ยินจนถึงคนสุดท้าย  และสุดท้ายแล้วข้อมูลจากปากต่อปากก็ผิดเพี้ยนไปมากมาย

ในกรณีของเรา

จาก ทวด มาสู่ ปู่-ย่า-ตา-ยาย
จาก ปู่-ย่า-ตา-ยาย มาสู่ พ่อ-แม่
จาก พ่อ-แม่  มาสู่  พวกเรา

ทวด ------> ปู่-ย่า-ตา-ยาย ------> พ่อ-แม่ ------> พวกเรา

ลองคิดดูนะครับว่าผ่านมา 2557 ปีแล้ว จะยิ่งผิดเพี้ยนไปมากขนาดไหน และมันควรถึงเวลาที่เราควรจะย้อนกลับไปศึกษาข้อมูลที่แท้จริงจากพระไตรปิฏกกันหรือยัง ดีกว่าที่จะทำตามๆกัน โดยไม่ได้รับรู้ข้อมูลที่แท้จริงบ้างเลย

และถ้าวันนี้หรือวันต่อๆไปจะมีข่าวการประพฤติตนไม่เหมาะสมของพระออกมาเรื่อยๆ  ก็อย่าไปโทษแต่พระเลยครับ  เราลองมองดูตัวเราก่อนครับว่าเราปฏิบัติตนต่อพระถูกต้องตามที่พระพุทธเจ้าสั่งและสอนไว้ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธแล้วหรือยัง ???

ฝากให้คิดกันนะครับ


พระไม่สามารถรับเงิน ทอง สิ่งของที่มีค่า หรือแม้กระทั้งซื้อของเองได้

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
จุลศีล
 [๑๐๓] ดูกรมหาบพิตร อย่างไร ภิกษุจึงชื่อว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล.
             
             ๑๓. เธอเว้นขาดจากการรับทองและเงิน.
             ๑๔. เธอเว้นขาดจากการรับธัญญาหารดิบ.
             ๑๕. เธอเว้นขาดจากการรับเนื้อดิบ.
             ๑๖. เธอเว้นขาดจากการรับสตรีและกุมารี.
             ๑๗. เธอเว้นขาดจากการรับทาสีและทาส.
             ๑๘. เธอเว้นขาดจากการรับแพะและแกะ.
             ๑๙. เธอเว้นขาดจากการรับไก่และสุกร.
             ๒๐. เธอเว้นขาดจากการรับช้าง โค ม้า และลา.
             ๒๑. เธอเว้นขาดจากการรับไร่นาและที่ดิน.
             .
             .
     .

********************************************

พระไม่สามารถให้คนอื่นรับเงิน ทอง แทนตนหรือเก็บไว้ให้ตนได้

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒

พระบัญญัติ
             ๓๗. ๘. อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือยินดีทอง เงินอันเขาเก็บไว้ให้, เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.

********************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น