กล่าวนำและทำความเข้าใจ

กล่าวนำและทำความเข้าใจ

Blog นี้จัดทำขึ้นเนื่องจากการที่ตั้งใจศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าและหลักการปฏิบัติตนตามหลักคำสอนอย่างถูกต้อง
เพราะในปัจจุบันคนเราเน้นการทำบุญโดยเอาความสะดวกสบายและง่ายเข้าว่า โดยบ้างครั้งอาจจะผิดหลักคำสอนจนความตั้งใจทำบุญจริงๆนั้นกลายมาเป็นบาป และบ้างครั้งอาจจะหลงผิดใช้เงินกับการทำบุญที่ผิดวิธีจนได้บาปเช่นกัน แต่เราก็สามารถทำบุญอย่างง่ายๆและถูกต้องได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงต้องรู้หลักการปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อที่จะได้บุญจริงๆ

บทความใน Blog นี้จึงขอมุ่งเน้นหยิบยกเนื้อหาอ้างอิงจากพระไตรปิฏกเป็นหลักและบทความจากผู้ที่ศึกษาพระไตรปิฏกอย่างจริงจังที่น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน การทำ Blog นี้มีเจตนาเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางที่สำหรับผู้คนอาจจะพบเห็นและได้ศึกษาธรรมมากขึ้น

"การศึกษาอะไรที่ยิ่งใหญ่ อาจจะมาจากเรื่องที่เราสงสัยเล็กๆเพียงเรื่องเดียว"

***ทั้งนี้เนื้อหาที่ได้ลงไปใน Blog ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณและศึกษาจากพระไตรปิฏกควบคู่ไปด้วยเพราะอาจมีการคลาดเคลื่อนของเนื้อหา เพื่อผู้อ่านจะได้รับความรู้ที่ตรงและถูกต้องที่สุดครับ***

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2556

โยมไม่รู้ พระไม่รู้ แล้วใครผิด ???


โยมไม่รู้ พระไม่รู้ แล้วใครผิด ???



พอผมได้มาศึกษาพระไตรปิฏกแล้ว ก็กลับไปนึกถึงเรื่องราวต่างๆที่เกียวกับพระพุทธศาสนาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญที่คิดว่าได้บุญ หรือการรวมประเพณีต่างๆของศาสนา ก็นึกตกใจว่าเราทำกันอยู่ที่คิดว่าได้บุญนั้นจริงหรือ ? 
อย่างเช่น วัดห้ามจัดงานวัด พระห้ามจับเงิน ทอง ถวายของที่ไม่เหมาะสมกับพระก็เป็นบาป ไหว้ศาล ไหว้เทวดา ไหว้เจ้าที่ พระห้ามทำพิธีปลูกเรือนทำพิธีบวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ เป็นหมอ ปลุกเสก เป็นหมอผี เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน ให้ฤกษ์อาวาหมงคล ให้ฤกษ์วิวาหมงคล ดูฤกษ์เรียงหมอน ดูฤกษ์หย่าร้าง ดูฤกษ์เก็บทรัพย์ ดูฤกษ์จ่ายทรัพย์ ดูโชคดี ดูเคราะห์
เห็นไหมครับว่าที่ทุกวันเราทำอยู่นั้นผิดกันขนาดไหน เราทำตาม ปู ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ เราต่อๆกันมาโดยที่ไม่ได้ศึกษาเพิ่มเติม และอาจเพราะว่า
1.โยมคิดว่าไปทำบุญเอาอะไรไปทำก็ได้บุญเพราะไม่ได้ศึกษาว่าอันไหนทำได้หรือไม่ได้
2.โยมไม่รู้ พระก็ไม่รู้ เพราะพระก็ไม่ได้ศึกษาเช่นกัน โยมขอให้พระดูฤกษ์ รดน้ำมนต์ เจิมรถ เจิมบ้าน เจิมร้าน ให้ พระก็ทำให้ตามที่ขอ

* น่าคิดไหมครับว่าเป็นแบบไหน ?
* แล้วอย่างนี้จะบอกว่าศาสนาเสื่อมหรือคนเสื่อมดี ทั้งที่พระวินัยและพระธรรม นั้นล่วงมาถึง 2600 ปี โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ?
* เราเรียนวิชาพระพุทธศาสนาทุกเทอม แต่มีบทเรียนที่สอนถึงการทำบุญที่ถูกต้องหรือที่เหมาะสมน้อยมาก แล้วอย่างนี้เราจะพูดว่าเราเป็น "เมืองพุทธ" ที่ถูกต้องได้อย่างไร ?

มัชฌิมศีล
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้าที่ 311

(๑๐๔)  ๑.  ภิกษุเว้นขาดจากการพรากพืชคาม  และภูตคาม  เช่น
อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก      ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธา
แล้ว   ยังประกอบการพรากพืชคามและภูตคามเห็นปานนี้     คือพืชเกิดแต่
เง่า     พืชเกิดแต่ลำต้น     พืชเกิดแต่ผล  พืชเกิดแต่ยอด  พืชเกิดแต่เมล็ด
เป็นที่ครบห้า   แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
(๑๐๕)  ๒.   ภิกษุเว้นขาดจากการบริโภคของที่ทำการสะสมไว้
เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธา
แล้ว  ยังประกอบการบริโภคของที่ทำการสะสมไว้เห็นปานนี้  คือ  สะสมข้าว
สะสมน้ำ   สะสมผ้า   สะสมยาน   สะสมที่นอน  สะสมของหอม  สะสมอามิส
แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
(๑๐๖)  ๓.  ภิกษุเว้นขาดจากการดูการเล่น      อันเป็นข้าศึกแก่
กุศล     เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก     ฉันโภชนะที่เขาให้
ด้วยศรัทธาแล้ว  ยังขวนขวายดูการเล่นอันเป็นข้าศึกแก่กุศลเห็นปานนี้ คือ
การฟ้อนรำ   การขับร้อง   การประโคม   มหรสพ    มีการรำเป็นต้น   การ
เล่านิยาย   การเล่นปรบมือ  การเล่นปลุกผี  การเล่นตีกลอง  ฉากบ้านเมือง
ที่สวยงาม การเล่นของคนจัณฑาล การเล่นไม้สูง  การเล่นหน้าศพ  ชนช้าง
ชนม้า  ชนกระบือ   ชนโค   ชนแพะ   ชนแกะ    ชนไก่   รบนกกระทา

รำกระบี่กระบอง    ชกมวย    มวยปล้ำ    การรบ    การตรวจพล    การจัด
กระบวนทัพ   กองทัพ   แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง
(๑๐๗)  ๔.  ภิกษุเว้นขาดจากการขวนขวายเล่นการพนันอันเป็น
ที่ตั้งแห่งความประมาท    เช่นอย่างสมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก    ฉัน
โภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว    ยังขวนขวายเล่นการพนัน    อันเป็นที่ตั้ง
แห่งความประมาทเห็นปานนี้     คือ  เล่นหมากรุกแถวละ ๘ ตา     แถวละ
๑๐  ตา   เล่นหมากเก็บ   เล่นดวด   เล่นหมากไหว  เล่นโยนบ่วง  เล่นไม้หึ่ง
เล่นกำทาย    เล่นสะกา    เล่นเป่าใบไม้    เล่นไถน้อย ๆ    เล่นหกคะเมน
เล่นกังหัน   เล่นตวงทราย   เล่นรถน้อย ๆ   เล่นธนูน้อย ๆ  เล่นเขียนทาย
กัน  เล่นทายใจ  เล่นเลียนคนพิการ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
(๑๐๘)  ๕.  ภิกษุเว้นขาดจากการนั่งนอนบนที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่
เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธา
แล้ว   ยังนั่งนอนบนที่นั่งที่นอนอันสูงให้เห็นปานนี้   คือ  เตียงมีเท้าเกิน
ประมาณ   เตียงมีเท้าทำเป็นรูปสัตว์ร้าย    ผ้าโกเชาว์ขนยาว    เครื่องลาดที่
ทำด้วยขนแกะวิจิตรด้วยลวดลาย   เครื่องลาดที่ทำด้วยขนแกะสีขาว  เครื่อง
ลาดที่มีสัณฐานเป็นช่อดอกไม้    เครื่องลาดที่ยัดนุ่น      เครื่องลาดขนแกะ
วิจิตรด้วยรูปสัตว์ร้าย    มีสีหะและเสือเป็นต้น     เครื่องลาดขนแกะมีขนตั้ง
เครื่องลาดขนแกะมีขนข้างเดียว   เครื่องลาดทองและเงินแกมไหม   เครื่อง
ลาดไหมขลิบทองและเครื่องลาดขนแกะจุนางฟ้อน  ๑๖  คน       เครื่องลาด
หลังช้าง  เครื่องลาดหลังม้า  เครื่องลาดในรถ  เครื่องลาดที่ทำด้วยหนังสัตว์
ชื่ออชินะ   อันมีขนอ่อนนุ่ม    เครื่องลาดอย่างดีทำด้วยหนังชะมด   เครื่อง
ลาดมีเพดาน    เครื่องลาดมีหมอนข้าง     แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการ
หนึ่ง.
(๑๐๙) ๖.  ภิกษุเว้นขาดจากการประกอบการประดับตกแต่ง
ร่างกายอันเป็นฐานแห่งการแต่งตัว          เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญ
บางจำพวก   ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว  ยังขวนขวายประกอบการ
ประดับตกแต่งร่างกาย   อันเป็นฐานแห่งการแต่งตัวเห็นปานนี้  คือ อบตัว
ไคลอวัยวะ   อาบน้ำหอม   นวด   ส่องกระจก   แต้มตา  ทัดดอกไม้  ประ-
เทืองผิว   ผัดหน้า  ทาปาก  ประดับข้อมือ  สวมเกี้ยว   ใช้ไม้เท้า  ใช้กลักยา
ใช้ดาบ  ใช้ขรรค์  ใช้ร่ม  สวมรองเท้าประดับวิจิตร  ติดกรอบหน้า  ปักปิ่น
ใช้พัดวาลวีชนี  นุ่งห่มผ้าขาว   นุ่งห่มผ้ามีชาย   แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอ
ประการหนึ่ง.
(๑๑๐)  ๗.  ภิกษุเว้นขาดจากติรัจฉานกถา     เช่นอย่างที่สมณ-
พราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก   ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว   ยังประ-
กอบติรัจฉานกถาเห็นปานนี้    คือ  พูดเรื่องพระราชา    เรื่องโจร    เรื่อง
มหาอำมาตย์   เรื่องกองทัพ   เรื่องภัย   เรื่องรบ   เรื่องข้าว   เรื่องน้ำ  เรื่อง
ผ้า    เรื่องที่นอน    เรื่องดอกไม้    เรื่องของหอม    เรื่องญาติ    เรื่องยาน
เรื่องบ้าน   เรื่องนิคม   เรื่องนคร    เรื่องชนบท   เรื่องสตรี    เรื่องบุรุษ
เรื่องคนกล้าหาญ   เรื่องตรอก  เรื่องท่าน้ำ   เรื่องคนที่ล่วงลับไปแล้ว  เรื่อง
เบ็ดเตล็ด     เรื่องโลก     เรื่องทะเล     เรื่องความเจริญและความเสื่อมด้วย
ประการนั้น ๆ     แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
(๑๑๑)  ๘.  ภิกษุเว้นขาดจากการกล่าวคำแก่งแย่งกัน   เช่นอย่าง
ที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก       ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว
ยังขวนขวายกล่าวถ้อยคำแก่งแย่งกันเห็นปานนี้     เช่นว่า    ท่านไม่รู้ทั่วถึง
ธรรมวินัยนี้  ข้าพเจ้ารู้ตัวถึง  ท่านจักรู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ได้อย่างไร  ท่าน
ปฏิบัติผิด  ข้าพเจ้าปฏิบัติถูก  ถ้อยคำของข้าพเจ้าเป็นประโยชน์ ของท่าน
ไม่เป็นประโยชน์   คำที่ควรจะกล่าวก่อน   ท่านกลับกล่าวภายหลัง   คำที่
ควรจะกล่าวภายหลัง  ท่านกลับกล่าวก่อน  ข้อที่ท่านเคยช่ำชองมา ผันแปร
ไปแล้ว       ข้าพเจ้าจับผิดวาทะของท่านได้แล้ว      ข้าพเจ้าข่มท่านได้แล้ว
ท่านจงถอนวาทะเสีย   มิฉะนั้นจงแก้ไขเสีย   ถ้าสามารถ   แม้ข้อนี้ก็เป็นศีล
ของเธอประการหนึ่ง.
(๑๑๒)  ๙.  ภิกษุเว้นขาดจากการประกอบทูตกรรม   และการรับ
ใช้   เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก    ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วย
ศรัทธาแล้ว    ยังขวนขวายประกอบทูตกรรมและการรับใช้เห็นปานนี้    คือ
รับเป็นทูตของพระราชา  ราชมหาอำมาตย์  กษัตริย์   พราหมณ์  คฤหบดี
และกุมารว่า   ท่านจงไปในที่นี้  ท่านจงไปในที่โน้น  ท่านจงนำเอาสิ่งนี้ไป
ท่านจงนำเอาสิ่งนี้ในที่โน้นมา ดังนี้ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
(๑๑๓) ๑๐.  ภิกษุเว้นขาดจากการพูดหลอกลวง       และการพูด
เลียบเคียง   เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก    ฉันโภชนะที่เขา
ให้ด้วยศรัทธาแล้ว   ยังพูดหลอกลวง   พูดเลียบเคียง   พูดหว่านล้อม   พูด
และเล็ม   แสวงหาลาภด้วยลาภ   แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
จบมัชฌิมศีล

มหาศีล
(๑๑๔ )  ๑. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉาน-
วิชา   เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก  ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วย
ศรัทธาแล้ว    ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้    คือ  ทาย
อวัยวะ  ทายนิมิต  ทายฟ้าผ่าเป็นต้น  ทำนายฝัน  ทำนายลักษณะ ทำนาย
หนูกัดผ้า    ทำพิธีบูชาไฟ    ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน    ทำพิธีซัดแกลบ
บูชาไฟ   ทำพิธีซัดรำบูชาไฟ    ทำพิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ   ทำพิธีเติมเนย
บูชาไฟ   ทำพิธีเติมน้ำมันบูชาไฟ   ทำพิธีเสกเป่าบูชาไฟ     ทำพลีกรรมด้วย
โลหิต   เป็นหมอดูอวัยวะ   ดูลักษณะที่บ้าน    ดูลักษณะที่นา    เป็นหมอ
ปลุกเสก   เป็นหมอผี   เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน    เป็นหมองู
เป็นหมอยาพิษ   เป็นหมอแมลงป่อง  เป็นหมอรักษาแผลหนูกัด  เป็นหมอ
ทายเสียงนก    เป็นหมอทายเสียงกา    เป็นหมอทายอายุ    เป็นหมอเสกกัน
ลูกศร   เป็นหมอทายเสียงสัตว์   แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง
(๑๑๕)   ๒.  ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉาน-
วิชา   เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก  ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วย
ศรัทธาแล้ว       ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้       คือ
ทายลักษณะแก้วมณี  ทายลักษณะผ้า  ทายลักษณะไม้พลอง   ทายลักษณะ
ศาตรา  ทายลักษณะดาบ   ทายลักษณะศร  ทายลักษณะธนู  ทายลักษณะ
อาวุธ  ทายลักษณะสตรี   ทายลักษณะบุรุษ  ทายลักษณะกุมาร  ทายลักษณะ
กุมารี  ทายลักษณะทาส   ทายลักษณะทาสี  ทายลักษณะช้าง  ทายลักษณะ
ม้า    ทายลักษณะกระบือ    ทายลักษณะโคอุสภะ    ทายลักษณะโค   ทาย
ลักณะแพะ    ทายลักษณะแกะ    ทายลักษณะไก่    ทายลักษณะนกกระทำ
ทายลักษณะเหี้ย   ทายลักษณะตุ่น    ทายลักษณะเต่า    ทายลักษณะมฤค
แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
(๑๑๖)  ๓.  ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉาน-
วิชา     เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก     ฉันโภชนะที่เขาให้
ด้วยศรัทธาแล้ว    ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้     คือ
ดูฤกษ์ยาตราทัพ    ว่าพระราชาจักยกออก    พระราชาจักไม่ยกออก   พระ
ราชาภายในจักยกเข้าประชิด  พระราชาภายนอกจักถอย พระราชาภายนอก
จักยกเข้าประชิด        พระราชาภายในจักถอย       พระราชาภายในจักมีชัย
พระราชาภายนอกจักปราชัย    พระราชาภายนอกจักมีชัย  พระราชาภายใน
จักรปราชัย  พระราชาองค์นี้จักมีชัย  พระราชาองค์นี้จักปราชัย  เพราะเหตุนี้ ๆ
แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
(๑๑๗) ๔. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉาน-
วิชา   เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์บางจำพวก  ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธา
แล้ว   ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยดิรัจฉานวิชาเห็นปานนี้   คือ  พยากรณ์ว่า
จักมีจันทรคราส   จักมีสุริยคราส   จักมีนักษัตรคราส   ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์
จักเดินถูกทาง    ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์จักเดินผิดทาง    ดาวนักษัตรจักเดิน
ถูกทาง   ดาวนักษัตรจักเดินผิดทาง   จักมีอุกกาบาต    จักมีดาวหาง   จักมี
แผ่นดินไหว    จักมีฟ้าร้อง    ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักขึ้น
ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักตก       ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และ
ดาวนักษัตรจักมัวหมอง   ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักกระจ่าง
จันทรคราสจักมีผลเป็นอย่างนี้   สุริยคราสจักมีผลเป็นอย่างนี้   นักษัตรคราส
จักมีผลเป็นอย่างนี้       ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์เดินถูกทางจักมีผลเป็นอย่างนี้
ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์เดินผิดทางจักมีผลเป็นอย่างนี้     ดาวนักษัตรเดินถูก
ทางจักมีผลเป็นอย่างนี้   ดาวนักษัตรเดินผิดทางจักมีผลเป็นอย่างนี้   มีอุกกา-
บาตจักมีผลเป็นอย่างนี้    มีดาวหางจักมีผลเป็นอย่างนี้  แผ่นดินไหวจักมีผล
เป็นอย่างนี้     ฟ้าร้องจักมีผลเป็นอย่างนี้      ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาว
นักษัตรขึ้นจักมีผลเป็นอย่างนี้      ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรตก
จักมีผลเป็นอย่างนี้   ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรมัวหมองจักมีผล
เป็นอย่างนี้          ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรกระจ่างจักมีผลเป็น
อย่างนี้  แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
(๑๑๘)  ๕.  ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉาน
วิชา  เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก  ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วย
ศรัทธาแล้ว        ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้      คือ
พยากรณ์ว่า    จักมีฝนดี   จักมีฝนแล้ง    จักมีภิกษาหาได้ง่าย   จักมีภิกษา
หาได้ยาก   จักมีความเกษม   จักมีภัย  จักเกิดโรค  จักมีความสำราญหาโรค
มิได้    หรือนับคะแนนคำนวณ   นับประมวลแต่งกาพย์  โลกายตศาสตร์
แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
(๑๑๙)  ๖.  ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉาน-
วิชา   เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก   ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วย
ศรัทธาแล้ว     ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้    คือ  ให้
ฤกษ์อาวาหมงคล   ให้ฤกษ์วิวาหมงคล   ดูฤกษ์เรียงหมอน   ดูฤกษ์หย่าร้าง
ดูฤกษ์เก็บทรัพย์    ดูฤกษ์จ่ายทรัพย์   ดูโชคดี   ดูเคราะห์   ให้ยาผดุงครรภ์
ร่ายมนต์ให้ลิ้นกระด้าง   ร่ายมนต์ให้คางแข็ง   ร่ายมนต์ไห้มือสั่น  ร่ายมนต์
ให้หูไม่ได้ยินเสียง   เป็นหมอทรงกระจก  เป็นหมอทรงหญิงสาว  เป็นหมอ
ทรงเจ้า  บวงสรวงพระอาทิตย์  บวงสรวงท้าวมหาพรหม  ร่ายมนต์พ่นไฟ
ทำพิธีเชิญขวัญ   แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
(๑๒๐)  ๗.  ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉาน-
วิชา   เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก   ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วย
ศรัทธาแล้ว     ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้    คือ   ทำ
พิธีบนบาน    ทำพิธีแก้บน    ร่ายมนต์ขับผี    สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน
ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย     ทำชายให้กลายเป็นกะเทย     ทำพิธีปลูกเรือน
ทำพิธีบวงสรวงพื้นที่   พ่นน้ำมนต์   รดน้ำมนต์   ทำพิธีบูชาไฟ   ปรุงยา
สำรอก    ปรุงยาถ่าย    ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบน    ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง
ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ    หุงน้ำมันหยอดหู    ปรุงยาตา   ปรุงยานัตถุ์   ปรุงยา
ทากัด    ปรุงยาทาสมาน    ป้ายยาตา    ทำการผ่าตัด    รักษาเด็ก    ชะแผล
แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
(๑๒๑)   มหาบพิตร  ภิกษุสมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้    ย่อมไม่ประสบ
ภัยแต่ไหน ๆ เลย  เพราะศีลสังวรนั้นเปรียบเหมือนกษัตริย์ผู้ได้มุรธาภิเษก
กำจัดราชศัตรูได้แล้ว      ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหน ๆ   เพราะราชศัตรูนั้น
มหาบพิตร    ภิกษุก็ฉันนั้นนั่นแล    สมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้แล้ว    ย่อมไม่
ประสบภัยแต่ไหน ๆ   เพราะศีลสังวรนั้น  ภิกษุสมบูรณ์ด้วยอริยศีลขันธ์นี้
ย่อมได้เสวยสุขอันปราศจากโทษในภายใน   มหาบพิตร  ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้
ถึงพร้อมด้วยศีล   ด้วยประการดังกล่าวมานี้แล.
จบมหาศีล

ศึกษาเพิ่มเติม
http://www.thepalicanon.com/91book/book11/301_350.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น