สัตว์ผู้มีบารมีบำเพ็ญไว้แล้วก็ยังหลงได้
ในเรื่องบุรพกรรมของพระมหาโมคคัลลานะนั้นพอได้อ่านแล้วผมได้สะดุดกับคำของพระศาสดาที่ว่า
"สัตว์ผู้มีบารมีบำเพ็ญไว้แล้วแม้เห็นปานนั้น ก็แตกกับมารดาบิดาได้"
ขนาดท่านผู้บำเพ็ญบารมีเพื่อที่จะเป็นสาวกก็ยังมีการหลงได้ แล้วเรานั้นได้ศึกษามากน้อยขนาดไหนที่จะได้ไม่หลงไปบ้างเลย แต่ถ้าเมื่อรู้ว่าหลงแล้วจะสามารถกลับคืนหรือแก้ไขได้หรือไม่นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญครับ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ 99
พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า " ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอ
นั่งประชุมกันด้วยกถาอะไรหนอ ? " เมื่อภิกษุเหล่านั้น กราบทูลว่า " ด้วย
กถาชื่อนี้ พระเจ้าข้า " ดังนี้แล้วตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย โมคคัลลานะ
มรณภาพไม่สมควรแก่อัตภาพนี้เท่านั้น, แต่เธอถึงมรณภาพสมควรแท้
แก่กรรมที่เธอทำไว้ในกาลก่อน " อันภิกษุทั้งหลายทูลถามว่า " ก็บุรพ-
กรรมของท่านเป็นอย่างไร ? พระเจ้าข้า " ได้ตรัส (อดีตนิทาน) อย่าง
พิสดาร (ดังต่อไปนี้) :-
บุรพกรรมของพระมหาโมคคัลลานะ
ดังได้สดับมา ในอดีตกาล กุลบุตรผู้หนึ่ง เป็นชาวเมืองพาราณสี
ทำกิจต่าง ๆ มีตำข้าวและหุงต้มเป็นต้นเองทั้งนั้น ปรนนิบัติมารดาบิดา.
ต่อมา มารดาบิดาของเขา พูดกะเขาว่า " พ่อ เจ้าผู้เดียวเท่านั้น
ทำงานทั้งในเรือน ทั้งในป่า ย่อมลำบาก, มารดาบิดาจักนำหญิงสาวคน
หนึ่งมาให้เจ้า," ถูกเขาห้ามว่า ' คุณแม่และคุณพ่อ ผมไม่ต้องการด้วย
หญิงสาวเห็นปานนั้น, ผมจักบำรุงท่านทั้งสองด้วยมือของผมเอง ตราบ
เท่าท่านทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ " ก็อ้อนวอนเขาแล้ว ๆ เล่า ๆ แล้วนำหญิง-
สาวมา (ให้เขา).
หญิงชั่วยุยงผัวฆ่ามารดาบิดา
หญิงนั้นบำรุงแม่ผัวและพ่อผัวได้เพียง ๒-๓ วันเท่านั้น ภายหลัง
ก็ไม่อยากเห็นท่านทั้งสองนั้นเลย จึงบอกสามีว่า " ฉันไม่อาจอยู่ในที่แห่ง
เดียวกับมารดาบิดาของเธอได้ " ดังนี้แล้ว ติเตียน (ต่าง ๆ นานา) เมื่อ
สามีนั้นไม่เชื่อถ้อยคำของตน, ในเวลาสามีไปภายนอก ถือเอาปอ ก้านปอ
และฟองข้าวยาคู ไปเรี่ยรายไว้ในที่นั้น ๆ (ให้รกรุงรังเลอะเทอะ) สามีมา
แล้ว ก็ถามว่า " นี้ อะไรกัน " ก็บอกว่า " นี่ เป็นกรรมของคนแก่ผู้
บอดเหล่านี้, แกทั้งสองเที่ยวทำเรือนทั่วทุกแห่งให้สกปรก. ฉันไม่อาจ
อยู่ในที่แห่งเดียวกันกับแกทั้งสองนั่นได้.
เชื่อเมียต้องเสียพ่อแม่
เมื่อหญิงนั้น บ่นพร่ำอยู่อย่างนั้น. สัตว์ผู้มีบารมีบำเพ็ญไว้แล้ว
แม้เห็นปานนั้น ก็แตกกับมารดาบิดาได้. เขาพูดว่า " เอาเถอะ, ฉันจักรู้
กรรมที่ควรทำแก่ท่านทั้งสอง " ดังนี้แล้ว เชิญมารดาบิดาให้บริโภคแล้ว
ก็ชักชวนว่า " ข้าแต่พ่อและแม่ พวกญาติในที่ชื่อโน้น หวังการมาของ
ท่านทั้งสองอยู่. ผมจัก (พา) ไปในที่นั้น " ดังนี้แล้ว ให้ท่านทั้งสองขึ้น
สู่ยานน้อยแล้วพาไป ในเวลาถึงกลางดงลวงว่า " คุณพ่อขอรับ ขอพ่อ
จงถือเชือกไว้. โคทั้งสองจักไปด้วยสัญญาแห่งปฏัก, ในที่นี้มีพวกโจรซุ่ม
อยู่, ผมจะลงไป " ดังนี้แล้ว มอบเชือกไว้ในมือของบิดา ลงไปแล้ว
ได้เปลี่ยนเสียงทำให้เป็นเสียงพวกโจรซุ่มอยู่.
มารดาบิดาสิเนหาในบุตรยิ่งกว่าตน
มารดาบิดาได้ยินเสียงนั้น ด้วยสำคัญว่า " พวกโจรซุ่มอยู่ " จึงกล่าว
ว่า " ลูกเอ๋ย แม่และพ่อแก่แล้ว, เจ้าจงรักษาเฉพาะตัวเจ้า (ให้พ้นภัย)
เถิด." เขาทำเสียงดุจโจร ทุบตีมารดาบิดา แม้ผู้ร้องอยู่อย่างนั้นให้ตาย
แล้ว ทิ้งไว้ในดง แล้วกลับไป.
ผลของกรรมชั่วตามสนอง
พระศาสดา ครั้นตรัสบุรพกรรมนี้ของพระมหาโมคคัลลานะนั้นแล้ว
ตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย โมคคัลลานะ ทำกรรมประมาณเท่านี้ไหม้ใน
นรกหลายแสนปี, ด้วยวิบากที่ยังเหลือ จึงถูกทุบตีอย่างนั้นนั่นแล ละเอียด
หมด ถึงมรณะ สิ้น ๑๐๐ อัตภาพ, โมคคัลลานะ ได้มรณะอย่างนี้ ก็พอ
สมแก่กรรมของตนเองแท้. พวกเดียรถีย์ ๕๐๐ กับโจร ๕๐๐ ประทุษ-
ร้ายต่อบุตรของเราผู้ไม่ประทุษร้าย ก็ได้มรณะที่เหมาะ (แก่กรรมของเขา)
เหมือนกัน, ด้วยว่า บุคคลผู้ประทุษร้ายต่อบุคคลผู้ไม่ประทุษร้าย ย่อม
ถึงความพินาศฉิบหายด้วยเหตุ ๑๐ ประการเป็นแท้ " ดังนี้แล้ว เมื่อจะ
ทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงได้ทรงภาษิตพระคาถาเหล่านี้ว่า
๗. โย ทณฺเฑน อทณฺเฑนสุ อปฺปทุฏฺเสุ ทุสฺสติ
ทสนฺนมญฺตร าน ขิปฺปเมว นิคจฺฉติ
เวทน ผรุส ชานึ สรีรสฺส จ เภทน
ครุก วาปิ อาพาธ จิตฺตกฺเขป ว ปาปุเณ
ราชฺโต วา อุปสคฺค อพฺภกฺขาน ว ทารุณ
ปริกฺขย ว ญาตีน โภคาน ว ปภงฺคุณ
อถ วาสฺส อคารานิ อคฺคิ ฑหติ ปาวโก
กายสฺส เภทา ทุปฺปญฺโ นิรย โส อุปปชฺชติ.
" ผู้ใด ประทุษร้ายในท่านผู้ไม่ประทุษร้ายทั้ง
หลาย ผู้ไม่มีอาชญา ด้วยอาชญา ย่อมถึงฐานะ ๑๐
อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่งพลันทีเดียว คือ ถึงเวทนา
กล้า ๑ ความเสื่อมทรัพย์ ๑ ความสลายแห่งสรีระ ๑
อาพาธหนัก ๑ ความฟุ้งซ่านแห่งจิต ๑ ความขัดข้อง
แต่พระราชา ๑ การถูกกล่าวตู่อย่างร้ายแรง ๑ ความ
ย่อยยับแห่งเครือญาติ ๑ ความเสียหายแห่งโภคะ
ทั้งหลาย ๑ อีกอย่างหนึ่ง ไฟป่าย่อมไหม้เรือนของ
เขา, ผู้นั้นมีปัญญาทราม เพราะกายแตก ย่อมเข้า
ถึงนรก."
*********************************************
กล่าวนำและทำความเข้าใจ
กล่าวนำและทำความเข้าใจ
Blog นี้จัดทำขึ้นเนื่องจากการที่ตั้งใจศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าและหลักการปฏิบัติตนตามหลักคำสอนอย่างถูกต้อง
เพราะในปัจจุบันคนเราเน้นการทำบุญโดยเอาความสะดวกสบายและง่ายเข้าว่า โดยบ้างครั้งอาจจะผิดหลักคำสอนจนความตั้งใจทำบุญจริงๆนั้นกลายมาเป็นบาป และบ้างครั้งอาจจะหลงผิดใช้เงินกับการทำบุญที่ผิดวิธีจนได้บาปเช่นกัน แต่เราก็สามารถทำบุญอย่างง่ายๆและถูกต้องได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงต้องรู้หลักการปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อที่จะได้บุญจริงๆ
บทความใน Blog นี้จึงขอมุ่งเน้นหยิบยกเนื้อหาอ้างอิงจากพระไตรปิฏกเป็นหลักและบทความจากผู้ที่ศึกษาพระไตรปิฏกอย่างจริงจังที่น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน การทำ Blog นี้มีเจตนาเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางที่สำหรับผู้คนอาจจะพบเห็นและได้ศึกษาธรรมมากขึ้น
"การศึกษาอะไรที่ยิ่งใหญ่ อาจจะมาจากเรื่องที่เราสงสัยเล็กๆเพียงเรื่องเดียว"
***ทั้งนี้เนื้อหาที่ได้ลงไปใน Blog ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณและศึกษาจากพระไตรปิฏกควบคู่ไปด้วยเพราะอาจมีการคลาดเคลื่อนของเนื้อหา เพื่อผู้อ่านจะได้รับความรู้ที่ตรงและถูกต้องที่สุดครับ***